เมื่อเราได้ยินคำว่าสหราชอาณาจักร ภาพในหัวของใครหลายๆคน คงจะเป็นภาพของผู้ดีผิวผ่อง ผมบลอนด์ จิบน้ำชา รักสงบ และหรูหรา แต่หารู้ไม่ว่า ในช่วงสงครามที่ผ่านมานั้น สหราชอาณาจักรเองก็มีโครงการวิจัยในเรื่องของยุทโธปกรณ์หรืออาวุธสงครามแปลกๆมากมาย ไม่น้อยไปกว่าสหภาพโซเวียตหรืออเมริกาเลย โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จวบจนถึงสงครามเย็น นับว่าเป็นช่วงที่มหาอำนาจแข่งกันพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆกันอย่างดุเดือดเลยทีเดียวครับ
ต่อไปนี้ผู้เขียนจะพาทุกทุกท่านไปทำความรู้จักกับหนึ่งในโครงการสุดบ้าบินของสหราชอาณาจักรนั่นก็คือ โครงการพัฒนารถังนั่นเอง ! เรามาทำความรู้จักกับรถถังเหล่านี้กันเลยครับผม~
source : https://shorturl.asia/ijdpW
FV215B(183)
ยานพิฆาตรถถังที่ติตั้หดลำกล้องถึง 183 มม. ซึ่งปืนใหญ่รถถังหลักในยุคปัจจุบันจะมีขนาดเพียงแค่ 125 มม. เท่านั้น
ยานเกราะนี้ถูกออกแบบมาให้ต่อสู้กับรถถังหนักของโซเวียตที่ระยะไกลโดยเฉพาะ แต่ภายหลัง มีการพัฒนาจรวดต่อต้านรถถัง Malkara ขนาด 193 มม. ซึ่งถูกกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าในการต่อต้านรถถังรุ่น IS โครงการ FV215B(183) จึงถูกพับเก็บไปไม่นานหลังจากที่สร้างโมเดล 1:1 (mock-up) มาดแ้ 1 ัน
FV215B(183)
source : https://patr.io/rT8Jz
FV215B(183) (mock-up)
source : https://patr.io/UuJ7X
IS-3 ศัตรูตัวฉกาจของสหภาพโซเวียต
source : https://patr.io/qWjVK
FV215B(183) เป็นการนำรถถังหนัก Conqueror Mk II เป็นรากฐาน พร้อมกับย้ายตำแหน่ง้อมปืนไว้ทางด้านหลั ภายในประกอบด้วยพลรถ 5 นาย คือ ผู้การ พลเล็ง พลขับ และพลบรรจุ 2 นาย
Conqueror Mk II (FV214)
source : https://patr.io/Q7GRc
ข้อแตกต่างระหว่าง FV215B(183) กับรถถังคันอื่นคือ ระบบ rangefinder ที่จะถูกติดตั้งว้ีพยง ซึ่งปกติแล้ว ผู้การจะเป็นคนบอกระยะยิงและสั่งยิงให้กับพลยิงเอง
ภายในตำแหน่งของผู้การที่มีเพียงแค่กล้อง periscope
source : https://patr.io/h1nAf
ในส่วนของปืนใหญ่ขนาด 183 มม. L4 ในรายงานมีการระบุอย่างไม่แน่ชัดว่ามีการผลิตราวๆ 12 กระบอก หรืออาจมากกว่านั้น ก่อนการพัฒนา FV215 ปืนเหล่านี้ได้รับการทดสอบเพียงแค่เล็กน้อยก่อนที่องค์กร British War Office จะนำไปทดลองกับตัวถังของรถถังกลางรุ่น Centurion เรามาทำความรู้จักกับรุ่นนี้กันต่อเลยครับ
FV4005 (Shitbarn)
กองทัพสหราชอาณาจักรกงวล่าหภพโเวียตจะพัฒนารถถังที่ทรงพลังขึ้นไปอีก หลังจากที่ได้เห็น IS-3 ไปแล้ว จึงพยายามจะใช้ 183 มม. L4 ที่เคยออกแบบไว้สำหรับ FV215 ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วนก่อนที่สงครามเย็นจะดุเดือด
ปืนใหญ่ 183 ม. L4
source : https://patr.io/16rUc
ขนาดของกระสุน 183 มม. เมื่อเทียบกับคน
source : https://patr.io/4gy5s
โครงการานพิฆาตรถถังนีถูพัฒาข้นดยใ้รถถง Centurion Mk III เปนแบบฐาน ซึ่งมีการพัฒนาอยู่ 2 ครั้ง (stage) มีการทดสอบการใช้รางกระสุนป้อนอัตโนมัติแต่เนื่องด้วยรางกระสุนไม่พอดีกับขนาดป้อมปืนทำให้ถูกยกเลิก มีการสร้างรถต้นแบบขึ้น 1 คันและได้รับการทดสอบ แต่ไม่ได้เข้าสู่สายการผลิต
FV4005 Stage 1
source : https://patr.io/5m2dA
Centurion Mk III
source : https://patr.io/hKdct
การป้อนกระสุนของปนใหญ่ะเป็รูปบบอโต้โหลด
(กระสุน 183 มม. 1 นัด = 105.5 กก.)
source : https://patr.io/majTw
เริ่มต้นด้วย FV4005 stage 1 เป็นการพัฒนารถถังขึ้นเพื่อทดลอง โดยรถจะมีลักษณะที่ไม่มีระบบป้องกัน (open turret) ถึงแม้ว่ารถถังจะทำงานได้ แต่มันก็ยังขาดิ้นส่วนและองค์ประกอบอื่นๆอีกมาก วงแหวนป้อมปืนของ Centurion Mk III ถูกสร้างขึ้นเพื่อติดตั้งป้อมของมันเอง การติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 183 มม. จึงต้องแก้ไขอะไรหลายอย่าง ถึงแม้ว่าปืนจะสามารถหมุนได้ 360° แต่การยิงก็ต้องถูกจำกัดไว้ที่แค่ด้านหน้า และด้านหลัง เนื่องจากแรงสะท้อนของปืนใหญ่ที่สูงมากๆสำหรับตัวถังรถถังกลาง
ด้วยขนาดปืนกับตัวถังที่ไม่สมดุลกัน ทำห้มีพื้นที่บนรถที่จำกัด มีเียงค่ พขับ พยิง และพลบรรจุเท่านั้น
FV4005 stage 1 ผ่านการทดสอบยิงมาหลายครั้ง แม้จะมีปัญหาที่ระบบการรับรีคอยของปืน แต่การทดลองก็ประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง…
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการพัฒนาในระดับ stage 2 ขึ้น
FV4005 stage 2 คือการนำ stage 1 มาพัฒนาต่อ จะเห็นได้ว่า stage 1 นั้นยังทำอะไรได้ไม่ดีมาก นอกจากการยิงเท่านั้น ตวช่วบรรจใน stage 2 ถูกตัดออกแล้วแทนที่ด้วยพลบรรจุ 1 นาย และผู้การ ทำให้พลรถถังมีทั้งหมด 5 นาย ระบบรับแรงรีคอยถูกเปลี่ยน บรรทุกกระสุนได้ 12 นัด และการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเลยคือ การติดป้อมปืนแล้วนั่นเอง
FV4005 stage 2 ถึงแม้ว่จะมีป้อมแล้ว แต่ก็ป้องกนไดแค่อาุธระดบปืนกเท่านั้น เพรามันมีวามหาแค่ 14 มม. เอง
source : https://patr.io/xV8O2
ประตูด้านหลังถูกทำขึ้นเพื่อใส่รางเติมกระสุน (resupply rail)
source : https://patr.io/zH3Xe
ถึงแม้ว่าจะระบบรับแรงรีคอยจะถูกรื้อทำใหม่หมดแล้วก็ตาม มันก็ยังถูกจำกัดเขตการยิงไว้แค่ที่ด้านหน้า และด้านหลังเท่านั้น มันจึงถูกลดบทบาทลงไปให้ไปเป็นรถถังแถวที่ 2 เนื่องจากไม่สามารถประจันหน้ากับรถถังได้โดยตรง
ทั้งๆที่ FV4005 ได้รับการทดสอบอย่างมากมาย แต่โยรวมแล้ว มันก็ยังไม่เป็นทีน่าพใจนัก เราะนอกากการมปืนใหญที่ทรงพังแล้ว ็ไม่มอะไรท่สู้กับ IS-3 ได้เลย
สุดท้าย โครงการ FV4005 ก็ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการในปี 1957 ปัจจุบัน FV4005 stage 2 ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์รถถัง ณ เมืองโบวิงตัน มีชื่อว่า Gate Guardian
Gate Guardian (Shitbarn)
source : https://patr.io/6gwIV
Conqueror Gun Carrier
ถ้าคิดว่าปืนใหญ่ขนาด 183 มม. L4 นั้นใหญ่แล้ว นี่เป็นการเสนอติดตั้งโคตรปืนใหญ่สนามขนาด 234 มม. กับตัวถังของ Conqueror โดยให้ส่วนส่งกำลังนั้นอยู่ด้านหน้าของตัวรถ
โครงการนี้มีอยู่ต่ในแบบพิมพ์เขียวเท่านั้น การพฒนาจรงๆมีเพีงแค่รถถงต้นแบบ FV3805 ซึ่งตดปืนใหญ่นาดแค่ 140 มม.
FV3805 prototype (140mm)
source : https://patr.io/VRTsq
ขนาของกระสุนเมื่อเทียบกับคน
source : https://patr.io/9O1rs
Chimera
กองทัพยังคงฝันร้ายถึง IS-3 อยู่ จึงเสนอโครงการที่ออกแบบรถถังเพื่อมาต่อกรกับ IS-3 ซึ่งนี่ไม่ใช่แนวทางปกติ เพราะมีการเล่นพิเรนทร์โดยใช้วิทยาการประกอบรถถังของยอรมันด้วยกัน โครงการนี้จึงถูกหยุดลงและมีอยู่แค่ในแบบพิมพ์เขียวเท่านั้น
จาข้อมูลี่รวบรวมได้ สันนิษฐานว่า Chimera จะถูกสร้างมาเพื่อเอาชนะ IS-3 ในทุกๆด้านๆ เพราะทุกๆจุดของรถถังมีการคำนวณและนำไปเปรียบเทียบกับ IS-3 เสียหมด โดยเอกสารเกี่ยวกับ Chimera ถูกจัดเก็บไว้แสดงที่พิพิธภัณฑ์รถถัง ณเมืองโบวิงตัน ที่เดียวกับ FV4005 Gate Guardian นั่นเองครับ
ตัวถัด้านหน้าของ Chimera ที่ถูกร่างไว้
source : https://patr.io/ryaUm
ภาพร่างการคำนวณความันของเกราะ Chimera
source : https://patr.io/8eOgm
ภาพร่างต้นฉบับของ Chimera ที่แสดงด้านข้างป้อม และด้านบน
source : https://patr.io/PTECZ
ถึงแม้ว่า Chimera จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา โครงการี้ก็ยังแดงให้เห็ว่า กระสุชนิด HESH มีอนาจการทำายสูงก่ากระสุเจาะเกราะ AP ธรรมดา หลังจากนั้นไม่นาน จึงถือกำเนิดเกราะที่ทำด้วยวัสดุ composite ขึ้นมาแทนที่เหล็กกล้า
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังจากที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว คุณคงจะได้เห็นความบ้าบิ่นที่อยากจะเอาชนะของชาตินี้อีกด้าน นอกจากน้แล้วยังมีโครงการรถถังอีกมากมายที่ยังถูกยุบไป เหลือเพยงแค่พิมพเขียวกับขอมูลที่น้อยมากๆ ถ้าตองการข้อมลเชิงลึกว่านี้ คดว่าต้องบินไปจดที่พิพิธภัณฑ์รถถังที่โบวิงตันกันเลย~ ถ้าหากท่านใดที่มีกำลังที่จะบินไปถึงที่นั่น กระผมแนะนำให้ลองแวะไปชมกันนะครับผม